การฉีดน้ำเชื้อเข้าสู่โพรงมดลูก IUI คืออะไร คือ การฉีดเชื้ออสุจิเข้าไปในโพรงมดลูกโดยตรงโดยใช้ท่อพลาสติกเล็ก ๆ สอดผ่านปากมดลูก แล้วฉีดเชื้ออสุจิที่มีคุณภาพดีที่สุด โดยผ่านการเตรียมคัดเชื้ออสุจิ ฉีดเข้าไปในมดลูก ในช่วงเวลาที่มีไข่ตก โดยที่ตัวอสุจิไม่ต้องว่ายผ่านปากมดลูก ทำให้มีตัวอสุจิที่เคลื่อนไหวจำนวนมาก เข้าไปในโพรงมดลูก และพร้อมที่จะผสมกับไข่ ดังนั้นการทำ IUI (Intrauterine insemination) แพทย์จะแนะนำให้ทำ กรณี ฝ่ายชายมีปัญหาเกี่ยวกับการหลั่งอสุจิในช่องคลอด หรือคู่สมรสที่หาสาเหตุของภาวะมีบุตรยากไม่ทราบสาเหตุ หรือฝ่ายหญิง ที่มีปัญหาเรื่องการตกไข่ หรือมีภาวะไข่ไม่ตกได้เองตามธรรมชาติ (PCOS) เป็นต้น ขั้นตอนการทำ IUI แพทย์จะให้ยาการกระตุ้นฟองไข่ ให้มีการเจริญเติบโตของฟองไข่ในรอบเดือนนั้นๆ ให้โต ประมาณ 1-3 ใบ โดยใช้ยารูปแบบรับประทาน หรือร่วมกับยาฉีด ซึ่งจะเริ่มให้ยาในวันที่ 2-5 ของรอบเดือน หลังจากนั้นจะมีการนัดตรวจอัลตราซาวด์เพื่อติดตามดูขนาด และจำนวนของฟองไข่ และความหนาของเยื่อบุโพรงมดลูก เมื่อฟองไข่มีขนาดพอเหมาะ แพทย์จะให้ยาฉีดกระตุ้นให้มีการตกไข่ หลังจากนั้นประมาณ 36-40 ชั่วโมงจะเป็นช่วงเวลาที่มีการตกไข่ แพทย์จะนัดอีกครั้ง เพื่อฉีดเชื้ออสุจิเข้าโพรงมดลูกในวันที่ไข่ตก โดยเฉลี่ยจะใช้เวลามาพบแพทย์เพียง 3 ครั้งต่อกระบวนการฉีดเชื้อ IUI ในแต่ละรอบเท่านั้น ขั้นตอนในการเตรียมอสุจิของฝ่ายชาย ฝ่ายชายจะต้องมาพบแพทย์ ในวันที่นัดทำ IUI และจะต้องงดเพศสัมพันธุ์ 2-5 วัน เพื่อเก็บน้ำอสุจิ จากนั้นนักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญ จะนำอสุจิที่ได้ มาทำการคัดเลือกเฉพาะตัวอสุจิที่ยังมีชีวิตและเคลื่อนไหวดี เพื่อให้แพทย์นำมาฉีดเข้าไปในโพรงมดลูก ในขั้นตอนนี้จะใช้เวลาเตรียมประมาณ 2 ชั่วโมง ขั้นตอนการฉีดอสุจิเข้าสู่โพรงมดลูก หลังจากขั้นตอนการเตรียมคัดเชื้ออสุจิ จากนั้นแพทย์จะนำเอาน้ำเชื้ออสุจิ ใส่ในท่อพลาสติกปราศจากเชื้อขนาดเล็ก และ ทำการสอดท่อขนาดเล็กนี้ผ่านปากมดลูก จากนั้นจึงทำการฉีดเชื้ออสุจิเข้าไปในโพรงมดลูก โดยใช้เวลาในการทำไม่นาน ประมาณ 10-15 นาที หัตถการนี้จะไม่รู้สึกเจ็บปวดแต่อย่างใด และหลังทำ IUI แล้วท่านสามารถปฏิบัติตัวได้ตามปกติ หลังทำ IUI จะปฏิบัติตัวอย่างไร หลังฉีดเชื้ออสุจิจะให้นอนพักประมาณ 10-15 นาทีแล้วให้กลับบ้านได้ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ และสามารถออกกำลังกายได้ตามปกติ งดเพศสัมพันธ์ในวันที่ทำ IUI และหลังจากนั้นสามารถมีเพศสัมพันธุ์ได้ตามปกติ แพทย์จะนัด เพื่อมาตรวจฮอร์โมนการตั้งครรภ์ภายหลังทำการฉีดอสุจิ 2 สัปดาห์ อัตราการตั้งครรภ์ภายหลังการฉีดน้ำเชื้อเข้าสู่โพรงมดลูก (IUI) โดยทั่วไปแล้วอัตราความสำเร็จของวิธีการฉีดน้ำเชื้อเข้าสู่โพรงมดลูก (IUI) อยู่ระหว่าง 15– 20 เปอร์เซ็นต่อรอบการรักษา ซึ่งมีข้อมูลจากงานวิจัย ในผู้ที่มีภาวะมีบุตรยากที่ไม่ทราบสาเหตุ พบว่าในการทำ IUI จะมีโอกาสตั้งครรภ์มากกว่าโอกาสตั้งครรภ์โดยรอบธรรมชาติประมาณ 2-3 เท่า อย่างไรก็ตาม อัตราการประสบความสำเร็จของการฉีดเชื้อ IUI จะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง คือ อายุของฝ่ายหญิง จำนวนไข่ที่สมบูรณ์ และคุณภาพของไข่ ความเข้มข้นของเชื้ออสุจิที่วิ่งได้ดี ที่ใช้ฉีดเข้าไปในโพรงมดลูก จะต้องมากกว่า 10 ล้านตัวต่อ CC ความหนาของเยื่อบุโพรงมดลูกในวันที่ฉีดอสุจิ ข้อดีของการทำ IUI ได้แก่ เป็นวิธีช่วยการเจริญพันธุ์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ปลอดภัย และเสียค่าใช้จ่ายไม่มาก แต่หากทำวิธี IUI ไปแล้ว 3-6 ครั้ง แล้วฝ่ายหญิงยังไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ แพทย์จะนำเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์วิธีที่ ได้ผลลัพท์มากกว่า มาใช้ในการรักษา นั่นคือ วิธีเด็กหลอดแก้ว หรือ อิ๊กซี่ (IVF/ICSI) ข้อดีของการทำ IUI – คล้ายกับการตั้งครรภ์ตามธรรมชาติ – ใช้เวลาน้อย – ราคาไม่สูง ข้อเสียของการทำ IUI – โอกาสสำเร็จน้อยกว่า IVF และ ICSI – ไม่สามารถตรวจโครโมโซมตัวอ่อนได้ iui คือ
iui คือ